วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Today Drink | ทำความเข้าใจกับ เดบิต-เครดิต

 

สำนักงานบัญชีคุณภาพในระยอง สำนักงานบัญชีระยอง บัญชีระยอง จดทะเบียนธุรกิจระยอง จดจัดตั้งบริษัทระยอง eec ระยอง อู่ตะเภาระยอง สรรพากรระยอง ผู้สอบบัญชีระยอง ผู้สอบบัญชีภาษีอากรระยอง อาจารย์ภาษี อาจารย์ภาษีระยอง เทรนนิ่งภาษีระยอง ผู้ทำบัญชีระยอง ที่ปรึกษาทางด้านภาษีและนักวางแผนภาษีในระยอง หนังสือจดหมายเรียกตรวจจากสรรพากรในระยอง ผู้สอบบัญชีรับตรวจสอบบัญชีในระยอง เพิ่มทุน เปลี่ยนกรรมการเข้า-ออก เพิ่มวัตถุประสงค์ของบริษัท ย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เพิ่มสาขา เปลี่ยนแปลงตราประทับ  เพิ่มผู้ถือหุ้น ลดผู้ถือหุ้น งานแก้ไขรายการทางทะเบียน ยินดีให้คำปรึกษาฟรี พร้อมให้คำแนะนำครบ แบบมืออาชีพ จัดทำบัญชี ยื่นภาษี ปิดงบการเงิน จดทะเบียนนิติบุคคล ครบวงจร ยื่นแบบ e-filing ระบบออนไลน์ บริการใส่ใจ ล้ำสมัย ด้วยเทคโนโลยี บจดทะเบียนบริษัทระยอง จดทะเบียนบริษัทระยอง สำนักงานบัญชีระยอง โปรซอฟท์การบัญชี ดีสมาร์ทคอนซัลแทนท์ สถาบันคัสเม่ KASME ProsoftAccounting สำนักงานบัญชีออนไลน์ ทำบัญชี รับทำบัญชี รับทำบัญชีระยอง รับปิดงบการเงิน ฝึกอบรมบัญชีภาษี

Today Drink 
ทำความเข้าใจกับ เดบิต-เครดิต


โดย: สำนักงานบัญชี โปรซอฟท์การบัญชี จังหวัดระยอง
บริหารงานโดย: อ.ดำริ ดวงนภา, ผู้สอบบัญชีภาษีอากร & ผู้อำนวยการหลักสูตรสถาบัน KASME
ติดต่องานบริการบัญชี: (033) 060 328 (คุณพัชรี), 081-459-8151 (อ.ดำริ)

เมนูวันนี้ เราจะเสิร์ฟเครื่องดื่มเสริมความรู้ สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนรู้ทางด้านบัญชี หรือน้องๆนักบัญชี กับการทำความเข้าใจ "เดบิต" และ "เครดิต"


เดบิต (Debit) คืออะไร ?

1. จำนวนเงิน ที่แสดงยอดจำนวนฝั่งซ้ายของบัญชี 

2. ตัวอักษรย่อ เดบิต (Debit) = Dr. ใช้เพื่อแสดงกำกับ

- สำหรับการบันทึกบัญชี สินทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้น

- สำหรับการบันทึกบัญชี ค่าใช้จ่าย ที่เพิ่มขึ้น


เครดิต (Credit) คืออะไร ?

1. จำนวนเงิน ที่แสดงยอดจำนวนฝั่งขวาของบัญชี 

2. ตัวอักษรย่อ เครดิต (Credit) = Cr. ใช้เพื่อแสดงกำกับ

- สำหรับการบันทึกบัญชี หนี้สิน ที่เพิ่มขึ้น

- สำหรับการบันทึกบัญชี  ส่วนของเจ้าของ ที่เพิ่มขึ้น

- สำหรับการบันทึกบัญชี รายได้ ที่เพิ่มขึ้น


ทำความเข้าใจ กับฝั่ง เดบิต และ เครดิต

สินทรัพย์ 

ถูกบันทึกอยู่ฝั่ง เดบิต = สินทรัพย์เพิ่มขึ้น / เครดิต = สินทรัพย์ลดลง

หนี้สิน 

ถูกบันทึกอยู่ฝั่ง เดบิต = หนี้สินลดลง/ เครดิต = หนี้สินเพิ่มขึ้น

ส่วนของเจ้าของ

ถูกบันทึกอยู่ฝั่ง เดบิต = ส่วนของเจ้าของลดลง/ เครดิต = ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น

รายได้

ถูกบันทึกอยู่ฝั่ง เดบิต = รายได้ลดลง / เครดิต = รายได้เพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่าย

ถูกบันทึกอยู่ฝั่ง เดบิต = ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น / เครดิต = ค่าใช้จ่ายลดลง


บัญชี มีกี่หมวด

ในระบบผังบัญชีมาตรฐาน (Chart of Account: COA) จะแบ่งออกเป็น 5 หมวด ดังนี้

หมวดที่ 1: สินทรัพย์

หมวดที่ 2: หนี้สิน

หมวดที่ 3: ส่วนของเจ้าของ

หมวดที่ 4: รายได้

หมวดที่ 5: ค่าใช้จ่าย


สมการบัญชีขั้นพื้นฐาน

สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ + (รายได้ - ค่าใช้จ่าย)


เริ่มทดลอง บันทึกบัญชี เดบิต เครดิต


เหตุการณ์ 1

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ร้านกาแฟ Accounting คาเฟ่  ซื้อช้อคโกแลตกล่องสำหรับการจำหน่ายที่ร้านในวันวาเลนไทน์ เป็นมูลค่า 5,000 บาท ชำระด้วยเงินสด

เหตุการณ์ดังกล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 

ซื้อช้อคโกแลตกล่องสำหรับจำหน่าย => สินค้าเพิ่มขึ้น => สินทรัพย์เพิ่มขึ้น ซึ่งในที่นี้ทางบัญชีจะเรียกว่า "สินค้าคงเหลือ" จัดอยู่ในกลุ่ม "สินทรัพย์(หมุนเวียน)" [สินทรัพย์หมุนเวียนคืออะไร อ่านต่อได้ที่นี่]

ชำระด้วยเงินสด => เงินสดลดลง => สินทรัพย์ลดลง 

บันทึกรายการบัญชี

12/02/67

Dr. สินค้าคงเหลือ   5,000.-  

                     Cr. เงินสด      5,000.-


เหตุการณ์ 2

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ร้านกาแฟ Accounting คาเฟ่  ซื้อขนมเค้กสำหรับการจำหน่ายที่ร้านในวันวาเลนไทน์ เป็นมูลค่า 2,000 บาท โดยซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ

เหตุการณ์ดังกล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 

ซื้อขนมเค้กสำหรับจำหน่าย => สินค้าเพิ่มขึ้น => สินทรัพย์เพิ่มขึ้น ซึ่งในที่นี้ทางบัญชีจะเรียกว่า "สินค้าคงเหลือ" จัดอยู่ในกลุ่ม "สินทรัพย์(หมุนเวียน)" [สินทรัพย์หมุนเวียนคืออะไร อ่านต่อได้ที่นี่]

ซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ => ยังไม่ได้ชำระเงิน => เจ้าหนี้เพิ่มขึ้น

บันทึกรายการบัญชี

12/02/67

Dr. สินค้าคงเหลือ   2,000.-  

                     Cr. เจ้าหนี้      2,000.-


เหตุการณ์ 3

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ร้านกาแฟ Accounting คาเฟ่  จ่ายชำระหนี้ค่าขนมเค้ก 2,000 บาท โดยชำระเป็นเงินสด

เหตุการณ์ดังกล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 

ชำระหนี้ค่าขนมเค้ก => เจ้าหนี้ลดลง

ชำระด้วยเงินสด => เงินสดลดลง => สินทรัพย์ลดลง

บันทึกรายการบัญชี

15/02/67

Dr. เจ้าหนี้   2,000.-  

                     Cr. เงินสด      2,000.-

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Update Tax News: เอกชนจี้รัฐแก้ปมภาษีนิติบุคคลซ้ำซ้อน ดับฝันลงทุนนอก!!

เอกชนจี้รัฐแก้ปมภาษีนิติบุคคลซ้ำซ้อน ดับฝันลงทุนนอก!!

ข่าวจาก: Prachachat.net

เอกชน เผยปมบาทแข็งลงทุนนอกไม่เกิด จี้รัฐแก้ปมภาษีนิติบุคคลซ้ำซ้อน ไม่เอื้อดึงกำไรกลับ พร้อมแนะบีโอไอออกมาตรการลดหย่อนภาษีเสริมอีกชั้น ย้ำโฟกัสตลาดเพื่อนบ้านดีสุดเสี่ยงน้อย ส่วนการลงทุนในประเทศชะลอลากยาวถึงไตรมาส 1 ปี”63 ผลสำเร็จ EEC ยังไม่เร้าใจเท่าคู่แข่ง

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชนเดือนกันยายน 2562 ลดลงมาอยู่ที่ 92.1 ต่ำสุดในรอบ 12 เดือน เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และเงินบาทแข็งค่า ผู้ประกอบการจึงต้องกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่นมากขึ้น แต่ยังมีพบข้อจำกัดหลายด้าน

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีมาตรการจูงใจเสริมการออกไปลงทุนต่างประเทศ ที่มากเพียงพอ โดยเฉพาะมาตรการด้านภาษี เช่น รัฐควรให้เอกชนสามารถลดหย่อนภาษีได้สำหรับเงินลงทุนที่นำออกไปลงทุนต่างประเทศ แม้เขาจะได้สิทธิประโยชน์จากฝั่งประเทศที่เข้าไปลงทุนแล้วก็ควรได้รับจากฝั่งไทยด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ที่ผ่านมาเอกชนที่ไปขยายการลงทุนในต่างประเทศแล้วต้องการส่งกำไรที่ได้จากการลงทุนกลับเข้ามาประเทศไทยจะต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน (double tax) ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศที่ออกไปลงทุน และภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยด้วย อีกทั้งแต่ละประเภทธุรกิจยังเสียภาษีในอัตราที่แตกต่างกัน

ดังนั้น เอกชนหวังจะให้ภาครัฐโดยเฉพาะ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สนับสนุน ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยให้ปรับเงื่อนไขการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อมาจูงใจ และกรมสรรพากรยกเว้นการเก็บภาษีจากกำไรที่ส่งกลับเข้ามาในประเทศไทย และสร้างความชัดเจนในกระบวนการเก็บภาษีในแต่ละประเภทธุรกิจด้วย

“การออกไปเปิดตลาดใหม่ เพื่อจะได้มีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เอกชนที่กล้าที่จะออกไปค้าขายไปลงทุน ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงไปด้วย และประเทศที่เหมาะสมขั้นแรกเขาควรเริ่มที่แถบเพื่อนบ้านเราก่อน ไม่ต้องออกไปไกล เพราะเพื่อนบ้านคือตลาดที่ไม่ยาก มีความใกล้เคียงกันกับไทย จะทำให้เขากล้ามากขึ้น”

นายมนตรีกล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนของเอกชนว่า ขณะนี้ยังคงมองเช่นเดิมว่าจะเห็นเม็ดเงินการลงทุนจริงในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 เพราะนักลงทุนยังประเมินการลงทุนและนโยบายจากภาครัฐ ขณะที่การแข่งขันที่ไทยใช้ EEC มาเป็นตัวชูโรงและจูงใจ เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ Thailand Plus Package ออกมายังคงไม่หวือหวามากพอที่จะทำให้นักลงทุนตัดสินใจยื่นขอลงทุนได้ทันที

เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งมีความได้เปรียบ ทั้งระบบการเมืองแบบสังคมนิยม จึงสามารถสร้างแรงจูงใจจากการออกประกาศกำหนดมาตรการสิทธิประโยชน์การลงทุน เช่น การเช่าที่ดินชัดเจนตั้งแต่ต้น ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษซึ่งอนุญาตให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ 99 ปี มาเป็นตัวเล่นดึงการลงทุน

“เพราะเขารู้ว่าการที่จะทำอะไร นักลงทุนต้องดูพื้นที่ สิทธิประโยชน์เรื่องที่ดินก่อนที่จะตัดสินใจทำอย่างอื่น ที่เหลือคือสิทธิประโยชน์ที่จะได้ตามมาหลังจากลงทุนไปแล้ว นั่นคือการยกเว้นภาษี และลดหย่อนภาษีแบบที่ไทยกำลังทำ”

รายงานข่าวระบุว่า การสนับสนุนผู้ประกอบการออกไปลงทุนต่างประเทศของ บีโอไอ จะอยู่ภายใต้กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยในแต่ละปีจะมีการจัดอบรมและกิจกรรมให้กับนักลงทุนไทยหน้าใหม่ ภายใต้โปรแกรม TOISC ซึ่งประเทศเป้าหมายและกลุ่มที่มีศักยภาพยังคงเป็น CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) โดยจากสถิติการลงทุนปี 2561 พบว่า ไทยไปลงทุนเวียดนามสูงถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมา 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 กัมพูชา 15.75 ล้านเหรียญสหรัฐ และลาว 4,400 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ เพื่อขยายขนาดตลาดการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ เพื่อแสวงหาวัตถุดิบและแรงงานที่ถูก เพื่อการกระจายความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพ และค้ำจุนตลาดการเงิน และเพื่อแลกเปลี่ยนความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี




วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เตรียมความพร้อมกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2563

เตรียมความพร้อมกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2563 !

ที่มา: www.kasmethai.com/taxwatch

กฏหมายภาษีที่ดิน ที่กำลังจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ในวันนี้ สถาบันคัสเม่จึงขอสรุปสาระสำคัญ ที่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างควรทราบ และทำความเข้าใจว่าเราอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีที่ดิน ด้วยหรือไม่

เรามาทำความเข้าใจกับอัตราภาษี สำหรับที่ดินในแต่ละประเภทกันก่อนค่ะ

ที่ดินสำหรับการทำเกษตรกรรม 
(ทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์บก/น้ำ และอื่นๆตามที่ประกาศกำหนด)
มูลค่าที่ดิน 0-75 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.01%
มูลค่าที่ดิน 75-100 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.03%
มูลค่าที่ดิน 100-500 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.05%
มูลค่าที่ดิน 500-1,000 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.07%
มูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.10%

ยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดา สำหรับมูลค่าที่ดิน 50 ล้านบาทแรก และยกเว้นการจัดเก็บภาษีกับบุคคลธรรมดาใน 3 ปีแรก ที่กฏหมายบังคับใช้

ที่ดินสำหรับการสร้างที่อยู่อาศัย

กรณีบ้านหลังหลัก บุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของที่ดิน+สิ่งปลูกสร้าง+มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
มูลค่าไม่ถึง 25 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.03%
มูลค่า 25-50 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.05%
มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป >> อัตราภาษี 0.10%

กรณีบ้านหลังหลัก บุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง+มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
มูลค่าไม่ถึง 40 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.02%
มูลค่า 40-65 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.03%
มูลค่า 65-90 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.05%
มูลค่า 90 ล้านบาทขึ้นไป >> อัตราภาษี 0.10%

กรณีบ้านหลังอื่นๆ
มูลค่าไม่ถึง 50 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.02%
มูลค่า 50-75 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.03%
มูลค่า 75-100 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.05%
มูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป >> อัตราภาษี 0.10%

กรณีบ้านหลังหลักที่เป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของที่ดิน (เจ้าของบ้านอาศัยอยู่เอง) ได้รับการยกเว้นภาษี  50 ล้านบาทแรก ส่วนกรณีเป็นเจ้าของเฉพาะบ้านอย่างเดียว (บ้านเจ้าของอยู่เองบนที่ดินเช่า) จะได้รับการยกเว้นภาษี 10 ล้านบาทแรก

ที่ดินที่ใช้ในกลุ่มพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม
มูลค่าที่ดิน 0-50 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.3%
มูลค่าที่ดิน 50-200 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.4%
มูลค่าที่ดิน 200-1,000 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.5%
มูลค่าที่ดิน 1,000-5,000 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.6%
มูลค่าที่ดินเกิน 5,000 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.7%

ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ เพดานภาษีสูงสุด 1.2% แต่จะเพิ่มเพดานเป็น 3% เมื่อปล่อยทิ้งว่างติดต่อกัน 3 ปี
มูลค่าที่ดิน 0-50 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.3%
มูลค่าที่ดิน 50-200 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.4%
มูลค่าที่ดิน 200-1,000 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.5%
มูลค่าที่ดิน 1,000-5,000 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.6%
มูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาท >> อัตราภาษี 0.7%

และถ้าหากปล่อยร้างเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน จะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 0.3% ในปีที่ 4 และถูกเก็บเพิ่มขึ้น 0.3% ทุกๆ 3 ปี หากยังไม่ได้มีการนำมาใช้ประโยชน์ แต่สูงสุดไม่เกิน 3%

ทั้งนี้ อัตราการเก็บภาษีตามมูลค่าแบบขั้นบันได จะบังคับใช้ใน 2 ปีแรก (2563-2564) ส่วนปีต่อไปจะพิจารณาเก็บตามอัตราเพดานสูงสุดอีกที

ในบทความหน้า เราจะมาอัพเดตกันต่อเนื่องในเรื่องของวิธีการคำนวณภาษีที่ดินกันค่ะ








วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เตรียมลับคมทักษะทางบัญชีและภาษี พร้อมรับส่วนลดทันที 25% (ภายใน 30 มิ.ย.61)

เริ่มเปิดสำรองที่นั่งตั้งแต่วันนี้กับ 2 หลักสูตรใหม่จากสถาบันคัสเม่!!
***********


#DATE 20 กรกฎาคม 2561
"ถอดรหัสกฎหมาย และ การใช้ Spreadsheet เพื่อการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล”
#วิทยากร อ.ดำริ ดวงนภา (ผู้สอบบัญชีภาษีอากร, +30 ปี ผู้เชี่ยวชาญ & ที่ปรึกษาทางด้านภาษีระดับสูง)
CPD|CPA นับชั่วโมงอื่น 6.00 ชม.
รหัสหลักสูตร: 6107-06-153-001-01

>> แนวทางการประมาณการภาษีเงินได้ ภงด.51
>> Spreadsheet เพื่อใช้ในการคำนวณภาษี
>> เจาะลึกการประมาณการขั้นสูงกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
>> ถอดรหัสกฏหมายทางภาษีที่น่าสนใจ
>> กรณีศึกษาเพื่อปรับใช้กับธุรกิจของท่าน

สำรองที่นั่ง click >> http://www.123formbuilder.com/form-2914190/RESERVE-THE-SEAT-200718

***********


#DATE 21 กรกฎาคม 2561
“การแก้ไขปัญหาสำคัญทางการบัญชีและจุดตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริต”
#วิทยากร ดร.สมชาย เลิศภิรมย์สุข (CPA, กรรมการสภาวิชาชีพบัญชีฯ, คณบดีคณะบัญชีมหาวิทยาลัยธนบุรี)
CPD|CPA นับชั่วโมงบัญชี 6.30 ชม.
รหัสหลักสูตร: 6107-06-153-002-01

>> แนวทางการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริต
>> การจัดการการทุจริตในองค์กรอย่างได้ผล
>> สัญญาณเตือนภัยจากการตกแต่งงบการเงิน
>> การบัญชีนิติเวช หรือการบัญชีสืบสวน
>> กรณีศึกษาเพื่อปรับใช้กับธุรกิจของท่าน

สำรองที่นั่ง click >> http://www.123formbuilder.com/form-1983798/RESERVE-THE-SEAT-210718

+++++
ราคาปกติ 3,000 บาท (+VAT)/ที่นั่ง/หลักสูตร #โปรโมชั่นพิเศษ  สำรองที่นั่ง & ชำระเงินภายใน 30 มิ.ย.61 รับส่วนลดทันที 25%!! ***เหลือเพียง 2,250 บาท (+vat)*** ราคานี้รวมเอกสาร,อาหารกลางวัน &ค๊อฟฟี่เบรคแล้ว

!!!อบรมกับสถาบันคัสเม่ ค่าใช้จ่ายหักได้ 200%!!!

***แล้วพบกับพวกเราอีกครั้ง ในวันที่ 20-21 กรกฎาคมนี้ ณ โรงแรมโกลเด้นซิตี้ จังหวัดระยองค่ะ***

สถาบันคัสเม่
"หน้าต่างแห่งความรู้ ประตูสู่ความสำเร็จ
www.kasmethai.com

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

บทความสรรพากร: หน้าที่ทางภาษีของธุรกิจ SMEs

ประเภทภาษีอากร

อ้างอิงจาก: เว็บไซต์กรมสรรพากร

         ประมวลรัษฎากรเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจกรมสรรพากรจัดเก็บภาษี 5 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ภาษีอากรแต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการจัดเก็บที่แตกต่างกัน ดังนี้


        
1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
        ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา..... คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไป หรือจากหน่วยภาษีที่มีลักษณะพิเศษ ตามที่กฎหมายกำหนดและมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยปกติจัดเก็บเป็นรายปี รายได้ที่เกิดขึ้นในปีใดๆ ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องนำไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนดภายในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป สำหรับผู้มีเงินได้บางกรณีกฎหมายยังกำหนดให้ยื่นแบบฯ เสียภาษีตอนครึ่งปี สำหรับรายได้ ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีที่ต้องชำระและเงินได้บางกรณี กฎหมายกำหนดให้ ผู้จ่ายทำหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินได้ที่จ่ายบางส่วน เพื่อให้มีการทยอยชำระภาษีขณะที่มีเงินได้เกิดขึ้นอีกด้วย
            ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างปีที่ผ่านมาโดยมีสถานะ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
        1)   บุคคลธรรมดา
        2)   ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
        3)   ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
        4)   กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง 

2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล
        ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นภาษีอากรประเภทหนึ่งที่บัญญัติไว้ ในประมวลรัษฎากร จัดเก็บจากเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ และหมายความรวมถึงนิติบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ด้วย 
        บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล มีดังนี้
        (1)   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ได้แก่
               ก.   บริษัท จำกัด
               ข.   บริษัทมหาชน จำกัด
               ค.   ห้างหุ้นส่วนจำกัด
               ง.   ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
        (2)   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
               ก.   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น เข้ามากระทำกิจการในประเทศไทย (มาตรา 66 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร)
               ข.   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น กระทำกิจการในที่อื่นๆ รวมทั้งในประเทศไทย (มาตรา 66 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร)
               ค.   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น กระทำกิจการอื่นๆรวมทั้งในประเทศไทยและกิจการที่กระทำนั้นเป็นกิจการขนส่งระหว่างประเทศ (มาตรา 67 แห่งประมวลรัษฎากร)
               ง.   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย (มาตรา 70)
               จ.   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามมาตรา 76 วรรคสอง และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ได้จำหน่ายเงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นที่กันไว้จากกำไร หรือถือได้ว่าเป็นเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย (มาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร)
               ฉ.   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น มิได้เข้ามาทำกิจการในประเทศไทยโดยตรง หากแต่มีลูกจ้างหรือผู้ทำการแทนหรือผู้ทำการติดต่อ ในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย (มาตรา 76 ทวิ)
        (3)   กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้า หรือหากำไร โดย
               ก.   รัฐบาลต่างประเทศ
               ข.   องค์การของรัฐบาลต่างประเทศ
               ค.   นิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
        (4)   กิจการร่วมค้า (Joint Venture) ได้แก่ กิจการที่ดำเนินการร่วมกันเป็นทางค้าหรือหากำไร ระหว่างบุคคลดังต่อไปนี้คือ
               ก.   บริษัทกับบริษัท
               ข.   บริษัทกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
               ค.   ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
               ง.   บริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา
               จ.   บริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
               ฉ.   บริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับห้างหุ้นส่วนสามัญ
               ช.   บริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับนิติบุคคลอื่น
        (5)   มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล 
        (6)   นิติบุคคลที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
      
       ฐานภาษีในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
       ภาษีเงินได้นิติบุคคล คำนวณจากเงินได้ที่ใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณภาษีคูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนด ดังนั้น เงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น โดยทั่วไปได้แก่กำไรสุทธิที่คำนวณตาม เงื่อนไขที่กำหนด แต่เพื่อความเป็นธรรมและอุดช่องว่างในการจัดเก็บภาษีเงินได้ จึงได้มี การบัญญัติจัดเก็บภาษีเงินได้ นิติบุคคล จากเงินได้หรือฐานภาษี ที่แตกต่างกัน ดังนี้
                (1)   กำไรสุทธิ
                (2)   ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย
                (3)   เงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย
                (4)   การจำหน่ายเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย 

3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
             เป็นภาษีที่เก็บจากผู้ขายสินค้าในประเทศ การให้บริการในประเทศ และการ นำเข้าสินค้า ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพเป็นปกติธุระ ไม่ว่าจะประกอบกิจการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล หรือนิติบุคคลใด ๆ หากมีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน โดยคำนวณภาษีที่ต้องเสียจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี

4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ
             ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีตามประมวลรัษฎากรประเภทหนึ่ง จัดเก็บจากการประกอบกิจการเฉพาะอย่างแทนภาษีการค้าที่ถูกยกเลิก ภาษีธุรกิจเฉพาะเริ่มใช้บังคับใน พ.ศ.2535 พร้อมกันกับภาษีมูลค่าเพิ่ม

5. อากรแสตมป์
            อากรแสตมป์เป็นภาษีตามประมวลรัษฎากรประเภทหนึ่ง จัดเก็บจากการกระทำ ตราสาร 28 ลักษณะ ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์

 Prosoft Accounting

ACCOUNTING. TAX. TRAINING.
WE CAN HELP YOUR BUSINESS

 Kasme Institute

The Institute of Effective Training for SMEs

วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

บทความสรรพากร: สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว



อ้างอิงบทความจาก: มุมสรรพากร ประจำเดือนมิถุนายน 2560 ฉบับที่ 61

การท่องเที่ยวนับเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญสาขาหนึ่ง ซึ่งทำรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่ามหาศาลติดต่อกันมาเป็นเวลานานหลายปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเกิดการขยายตัว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เช่น ธุรกิจโรงแรม ที่พัก อาหารและเครื่องดื่ม ของที่ระลึก บริการรถเช่าสถานที่จอดรถ เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานและยังเป็นกลไกที่สำคัญ ในการกระจายรายได้และความเจริญสู่ภูมิภาคอีกด้วย

รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายการท่องเที่ยวโดยส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการท่องเที่ยวและเร่งรัดการปรับปรุงมาตรฐานในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และสุขอนามัย เพื่อเป็นการเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ดังนั้น รัฐบาลจึงได้มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยภาคเอกชนที่จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

1. เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายไทย

2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำรายจ่ายในการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานหรือการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวในชนบทและได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าว โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แก่ส่วนราชการ องค์กรของรัฐบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปในการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน หรือการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวในชนบท และได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวโดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่ส่วนราชการ องค์การของรัฐบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี(3) แห่งประมวลรัษฎากร

3. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานหรือการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวในชนบทโดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่ ส่วนราชการ องค์กรของรัฐบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยผู้โอนจะต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้า ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

4. เป็นโครงการที่ท้องถิ่นมีความต้องการจะพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจและสังคม การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้แก่

1) ไฟฟ้า
2) ประปา
3) ถนน หรือ ทางพิเศษ
4) โทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
5) พลังงานทางเลือก
6) ระบบบริหารจัดการนำ หรือการชลประทาน
7) ระบบป้องกันภัยธรรมชาติ รวมถึงระบบเตือนภัยและระบบจัดการเพื่อลดความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นด้วย
8) พัฒนาหรือปรับปรุงอุทยานแห่งชาติ
9) พัฒนาหรือปรับปรุงโบราณสถาน
10) พัฒนาหรือปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่อยู่ในการกำกับดูแลของส่วนราชการ องค์การของรัฐบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

5. สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เป็นระยะเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี

นอกจากการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้สะดวกสบายแล้วผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวก็ควรมีจิตสำนึกที่ดีในการให้บริการและใช้บริการแหล่งท่องเที่ยวซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและยั่งยืนสืบต่อไป


VISIT OUR PARTNER, KASME PAGE >> WWW.FACEBOOK.COM/KASMECO

32/9 ม.3 ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง
#1 Accounting Tax Training in Rayong
We Can Help Your Business
Call: (038) 967-463

วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เรียนเชิญท่านที่สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยาย "เคล็ด(ไม่ลับ)การแก้ปัญหาภาษีอากร" และ "เทคนิคการบริหารสำหรับการบัญชีการเงิน" 26 & 27 กรกฎาคม 2560

PROMOTION รับส่วนลดทันที 20% เมื่อสำรองที่นั่งและชำระเงินภายใน 19 ก.ค.60***

สถาบันฝึกอบรมพัฒนาความรู้ด้านภาษีและบัญชี สถาบันคัสเม่ ขอเรียนเชิญทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายกับ 2 หลักสูตรทางด้านภาษี & บัญชี โดยวิทยากร ดร.สิงห์ชัย อรุณวุฒิพงศ์ และ ท่าน อ.มิตรทอง ชูลิตะวงศ์ ในวันที่ 26 & 27 กรกฎาคม 2560 นี้ค่ะ


หลักสูตร@ "เคล็ด(ไม่ลับ)การแก้ปัญหาภาษีอากร"
26/07/60, 9:00 - 16:30 น.
รหัสหลักสูตร: 6007-06-153-001-01
CPA & CPD นับชั่วโมงอื่นๆ 6 ชั่วโมง
สถานที่: โรงแรมสตาร์ จังหวัดระยอง
ค่าอบรม: 3,210 บาท (รวม VAT เอกสาร buffet อาหารกลางวัน อาหารว่าง)
สำรองที่นั่ง click: http://www.123contactform.com/form-2039382/

หลักสูตร@ "เทคนิคการบริหารสำหรับการบัญชีการเงิน"
27/07/60, 9:00 - 17:00 น.
รหัสหลักสูตร: 6007-06-153-002-01
CPA & CPD นับชั่วโมงบัญชี 6 ชม.+อื่นๆ 30 นาที
สถานที่: โรงแรมสตาร์ จังหวัดระยอง
ค่าอบรม: 3,210 บาท (รวม VAT เอกสาร buffet อาหารกลางวัน อาหารว่าง)
สำรองที่นั่ง click: http://www.123contactform.com/form-1983798/

***ค่าใช้จ่ายอบรมกับสถาบันคัสเม่ หักได้ 200%***
***#PROMOTION รับส่วนลดทันที 20% เมื่อสำรองที่นั่งและชำระเงินภายใน 19 ก.ค.60***
***เปิดสำรองที่นั่งตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2560***

วิธีการชำระเงิน
ชำระโดยการโอนเงิน ชื่อบัญชี "บริษัท คัสเม่ จำกัด"
ธนาคารกรุงไทย ออมทรัพย์ สาขาท่าประดู่ เลขที่ 235-0-04628-1
ชำระโดยเช็ค/แคชเชียร์เช็ค: โปรดขีดคร่อม สั่งจ่าย บริษัท คัสเม่ จำกัด
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 0-2155-48001-66-1
เลขที่ 32/9 หมู่ 3 ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21000

ท่านที่ชำระแล้ว
โปรดส่งแฟกซ์ (038)872-046 หรือ อีเมล์ mykasme@gmail.com สำหรับหลักฐานการชำระเงิน พร้อมชื่อ-ที่อยู่ในการออกใบเสร็จ

สำหรับท่านที่ต้องการออกใบเสร็จในนามนิติบุคคล
โปรดส่งแฟกซ์ (038)872-046 หรือ อีเมล์ mykasme@gmail.com สำหรับรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. หลักฐานการชำระเงิน พร้อมชื่อ-ที่อยู่ในการออกใบเสร็จ
2. แบบ ภพ.20
3. โปรดเตรียมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% โดยยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ ณ จุดลงทะเบียนหน้างาน ตามรายละเอียดด้านล่างดังนี้
ชื่อผู้ถูกหักภาษี ณ จ่ายจ่าย: บริษัท คัสเม่ จำกัด
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร:0215548001661
ที่อยู่: 32/9 ม.3 ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง 21000

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง @จันทร์ - ศุกร์ 9:00 - 17:00 น.
สถาบันคัสเม่ โทร & แฟกซ์ คุณตริตาภรณ์ (038)872-046, คุณพัชรี (038)967-463, คุณรพิดา (038)966-694